Articles

การทำงานของแอร์ เปลี่ยนอากาศร้อนเป็นลมเย็น ได้อย่างไร?

เคยสงสัยไหมว่าเครื่องปรับอากาศในบ้านหรือในที่ทำงานของเราที่สามารถเปลี่ยนอากาศร้อนเป็นอากาศเย็นนั้นมีการทำงานอย่างไร สำหรับหลักการทำงานของเครื่องปรับอากาศอาศัยเพียงแค่หลักการเบื้องต้นพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แถมยังเป็นหลักการเดียวกับตู้เย็นอีกด้วยต่างกันแค่ตู้เย็นช่วยสร้างความเย็นให้พื้นที่เล็ก ๆ แต่แอร์ช่วยสร้างอุณหภูมิที่ถูกใจให้ห้องของคุณ เราจะเริ่มต้นที่การเรียนรู้ส่วนประกอบภายในที่น่าสนใจของเครื่องปรับอากาศ

โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้มีอุปกรณ์หลัก 3 ส่วน ได้แก่ คอมเพรสเซอร์ คอนเดนเซอร์ และอีวาพอเรเตอร์ โดยอุปกรณ์ที่อยู่ภายในบ้านคืออีวาพอเรเตอร์ ส่วนอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งอยู่ภายนอกบ้านก็คือคอมเพรสเซอร์และคอนเดนเซอร์ โดยการทำงานของแอร์เริ่มต้นที่น้ำยาแอร์ที่ออกจากคอมเพรสเซอร์จะมีลักษณะเป็นแก๊สร้อนที่มีความดันสูงและจะเคลื่อนที่ต่อไปยังคอนเดนเซอร์หรือรู้จักกันอีกชื่อว่าแผงระบายความร้อน โดยรอบนอกของอุปกรณ์จะมีลวดโลหะถูกขดเรียกว่าคอยล์ร้อน ในส่วนนี้จะมีใบพัดที่ช่วยลดอุณหภูมิของอากาศให้เย็นลงและระบายลมร้อนออกด้านนอก ซึ่งก็คือลมร้อนที่เรารู้สึกเมื่อเดินผ่านอุปกรณ์ของเครื่องปรับอากาศที่ตั้งอยู่นอกอาคารนั่นเอง จากนั้นของไหลความดันสูงที่ไหลผ่านไปกับน้ำยาแอร์จะถูกลดความดันและอุณหภูมิลงที่ท่อลดแรงดัน น้ำยาแอร์ที่ผ่านมาถึงขั้นตอนนี้ของเหลวจะระเหยเป็นไอเย็นพัดเข้ามาในห้องของเราและจะวนเป็นวงจรอย่างนี้ไปตลอดเวลาที่เราเปิดการทำงาน เมื่อเราได้รู้หลักการทำงานเบื้องต้นของแอร์แล้ว ประเด็นต่อไปที่น่าสนใจก็คือการใช้งานแอร์อย่างเหมาะสม เพื่อให้ทำงานได้ตามที่เราต้องการและเหมาะสมกับขนาดของห้อง เรื่องแรกที่ต้องพิจารณาก็คือ BTU (British Thermal Unit) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการคำนวณปริมาณความร้อนที่อยู่ในห้องของเรา โดยปัจจัยที่นำมาคำนวณประกอบด้วยพื้นที่ห้องและลักษณะการใช้งานและจุดประสงค์ของห้องนั้น เมื่อได้ BTU ที่เหมาะสมก็ทำการเลือกรุ่นของเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมมาติดตั้งได้เลย ตำแหน่งที่ติดตั้งก็ต้องตรงจุดที่ใช้งานและสามารถกระจายอากาศเย็นได้อย่างทั่วถึงทุกบริเวณในห้อง ไม่ควรติดตั้งใกล้กับประตูเพราะทุกครั้งที่มีคนเดินเข้าออก อากาศเย็นจะออกไปด้านนอกบริเวณห้อง ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักมากกว่าเดิม ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นลง นอกจากนั้นการเลือกชนิดของอุปกรณ์ที่ทนทานและทนความร้อนก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะว่าอุปกรณ์บางส่วนของแอร์ ต้องติดตั้งด้านนอกตัวอาคารที่มีอุณหภูมิสูงจากสภาพอากาศภายนอก ถ้าเลือกอุปกรณ์เหล่านั้นให้ทนความร้อนมากขึ้นก็จะลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศและสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับการใช้งานของผู้ใช้ก็มีส่วนช่วยให้แอร์ทำงานได้ดีเต็มศักยภาพมากขึ้น โดยเริ่มจากการตั้งอุณหภูมิให้อยู่ที่ 25-27 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พอดี ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป และอยู่ในช่วงที่ประหยัดไฟได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นควรมีการล้างแอร์ทุกปีละ 2 ครั้ง เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ตลอดการใช้งาน และช่วยประหยัดทั้งพลังงานและค่าไฟ สำหรับผู้ใช้ที่คำนึงเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย หนึ่งในวิธีการเลือกซื้อแอร์ที่ช่วยประหยัดก็คือเลือกซื้อที่มีเบอร์ห้ากำกับโดยเป็นสัญลักษณ์ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ออกแบบมาเพื่อช่วยรับรองความประหยัดพลังงานให้ผู้ใช้ได้เลือกซื้ออย่างถูกรุ่นถูกใจ และในตอนนี้พิเศษมากขึ้น เพราะว่า กฟผ. ได้ทำการออกแบบฉลากรุ่นใหม่ที่ช่วยแบบระดับความประหยัดออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน เริ่มต้นด้วย เบอร์ห้าไม่มีดาว ไปจนถึง เบอร์ห้าที่มีสามดาว ยิ่งดาวมากยิ่งประหยัดมาก ดังนั้นการใช้วิธีเป็นหลักการพื้นฐานในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกคนไม่น้อย

จากความสำคัญและจำเป็นของเครื่องประอากาศที่อยู่เกือบจะทุกพื้นที่ในชีวิตเรา การเลือกซื้อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งานและไลฟ์สไตล์จึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจและควรให้ความสำคัญ โดยเริ่มต้นที่พยายามเรียนรู้และเข้าใจหลักการทำงานเบื้องต้นของแอร์และเลือกซื้อและใช้งานตามหลักการอย่างถูกต้องเหมาะสมเพื่อให้การใช้งานแอร์เกิดความคุ้มค่าอย่างสูงสุด โดยสามารถเริ่มต้นตั้งแต่การซื้อเครื่องปรับอากาศที่มีมาตรฐานและมีการรับรองการประหยัดพลังอย่างชัดเจนและน่าเชื่อถือ เพียงเท่านี้ทุกครัวเรือนและบริษัทก็สามารถมีอากาศเย็นสบายควบคู่ไปกับการใช้งานอย่างถูกต้องและมีหลักการ ประหยัดทั้งพลังงานและประหยัดทั้งไฟได้ตลอดเวลา

Back to list

Leave a Reply